วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Long Integer
ตัวแปร (Variable) คือ การจองพื้นที่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูลที่ต้องใช้ในการทำงานของโปรแกรม โดยมีการตั้งชื่อเรียกหน่วยความจำในตำแหน่งนั้นด้วย เพื่อความสะดวกในการเรียกใช้ข้อมูล ถ้าจะใช้ข้อมูลใดก็ให้เรียกผ่านชื่อของตัวแปรที่เก็บเอาไว้
ชนิดของข้อมูล
ภาษาซีเป็นอีกภาษาหนึ่งที่มีชนิดของข้อมูลให้ใช้งานหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งชนิดของข้อมูลแต่ละอย่างมีขนาดเนื้อที่ที่ใช้ในหน่วยความจำที่แตกต่างกัน และเนื่องจากการที่มีขนาดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นในการเลือกใช้งานประเภทข้อมูลก็ควรจะคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งานด้วย สำหรับประเภทของข้อมูลมีดังนี้คือ
1. ข้อมูลชนิดตัวอักษร (Character) คือข้อมูลที่เป็นรหัสแทนตัวอักษรหรือค่าจำนวนเต็มได้แก่ ตัวอักษร ตัวเลข และกลุ่มตัวอักขระพิเศษใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล 1 ไบต์
2. ข้อมูลชนิดจำนวนเต็ม (Integer) คือข้อมูลที่เป็นเลขจำนวนเต็ม ได้แก่ จำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มลบ ศูนย์ ใช้พื้นที่ในการเก็บ 2 ไบต์
3. ข้อมูลชนิดจำนวนเต็มที่มีขนาด 2 เท่า (Long Integer) คือข้อมูลที่มีเลขเป็นจำนวนเต็ม ใช้พื้นที่ 4 ไบต์
4. ข้อมูลชนิดเลขทศนิยม (Float) คือข้อมูลที่เป็นเลขทศนิยม ขนาด 4 ไบต์
5. ข้อมูลชนิดเลขทศนิยมอย่างละเอียด (Double) คือข้อมูลที่เป็นเลขทศนิยม ใช้พื้นที่ในการเก็บ 8 ไบต์
ชนิด ขนาดความกว้าง ช่วงของค่า การใช้งาน
Char 8 บิต ASCII character (-128 ถึง 127) เก็บข้อมูลชนิดอักขระ
Unsignedchar 8 บิต 0-255 เก็บข้อมูลอักขระแบบไม่คิดเครื่องหมาย
Int 16 บิต -32768 ถึง 32767 เก็บข้อมูลชนิดจำนวนเต็ม
long 32 บิต -2147483648 ถึง 2147483649 เก็บข้อมูลชนิดจำนวนเต็มแบบยาว
Float 32 บิต 3.4E-38 ถึง 3.4E+38 หรือ ทศนิยม 6
เก็บข้อมูลชนิดเลขทศนิยม
Double 64 บิต 1.7E-308 ถึง 1.7E+308 หรือ ทศนิยม 12 เก็บข้อมูลชนิดเลขทศนิยม
Unsigned int 16 บิต 0 ถึง 65535 เก็บข้อมูลชนิดจำนวนเต็ม ไม่คิดเครื่องหมาย
Unsigned long 32 บิต 0 ถึง 4294967296 เก็บข้อมูลชนิดจำนวนเต็มแบบยาว ไม่คิดเครื่องหมาย
รูปแบบในการประกาศตัวแปรในภาษา C
การสร้าวตัวแปรขึ้นมาใช้งานจะเรียกว่า การประกาศตัวแปร (Variable Declaration) โดยเขียนคำสั่งให้ถูกต้องตามแบบการประกาศตัวแปร แสดงดังนี้
type name;
type : ชนิดของตัวแปร
name : ชื่อของตัวแปร ซึ่งต้องตั้งให้ถูกต้องตามหลักของภาษา C
การเขียนคำสั่งเพื่อประกาศตัวแปร ส่วนใหญ่แล้วจะเขียนไว้ในส่วนหัวของโปรแกรมก่อนฟังก์ชัน main ซึ่งการเขียนไว้ในตำแหน่งดังกล่าว จะทำให้ตัวแปรเหล่านั้นสามารถเรียกใช้จากที่ใดก็ได้ในโปรแกรม ดังตัวอย่าง
#include
int num; สร้างตัวแปรชื่อ num เพื่อเก็บข้อมูลชนิดจำนวนเต็ม
float y; สร้างตัวแปรชื่อ y เพื่อเก็บข้อมูลชนิดเลขทศนิยม
char n; สร้างตัวแปรชื่อ n เพื่อเก็บข้อมูลชนิดตัวอักขระ
void main()
{
printf("Enter number : ")
scanf("%d",&num);
printf("Enter name : ");
scanf("%f",&n);
printf("Thank you");
}
หลักการตั้งชื่อตัวแปร
ในการประกาศสร้างตัวแปรต้องมีการกำหนดชื่อ ซึ่งชื่อนั้นไม่ใช่ว่าจะตั้งให้สื่อความหมายถึงข้อมูลที่เก็บอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงอย่างอื่น เนื่องจากภาษา C มีข้อกำหนดในการตั้งชื่อตัวแปรเอาไว้ แล้วถ้าตั้งชื่อผิดหลักการเหล่านี้ โปรแกรมจะไม่สามารถทำงานได้ หลักการตั้งชื่อตัวแปรในภาษา C แสดงไว้ดังนี้
1. ต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A-Z หรือ a-z หรือเครื่องหมาย _(Underscore) เท่านั้น
2. ภายในชื่อตัวแปรสามารถใช้ตัวอักษร A-Z หรือ a-z หรือตัวเลข0-9 หรือเครื่องหมาย _
3. ภายในชื่อห้ามเว้นชื่องว่าง หรือใช้สัญลักษณ์นอกเหนือจากข้อ 2
4. ตัวอักษรเลขหรือใหญ่มีความหมายแตกต่างกัน
5. ห้ามตั้งชื่อซ้ำกับคำสงวน (Reserved Word) ดังนี้
auto default float register struct volatile break
do far return switch while case double
goto short typedef char else if signed
union const enum int sizeof unsigned continue
extern long static void
ตัวอย่างการตั้งชื่อตัวแปรในภาษา C ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องตามหลักการ แสดงดังนี้
bath_room ถูกต้อง
n-sync ผิดหลักการ เนื่องจากมีเครื่องหมาย - ปรากฎในชื่อ
108dots ผิดหลักการ เนื่องจากขึ้นต้นด้วยตัวเลข
Year# ผิดหลักการ เนื่องจากมีเครื่องหมาย # อยู่ในชื่อ
_good ถูกต้อง
goto ผิดหลักการ เนื่องจากเป็นคำสงวน
work ถูกต้อง
break ผิดหลักการ เนื่องจากเป็นคำสงวน
ตัวแปรสำหรับข้อความ
ในภาษา C ไม่มีการกำหนดชนิดของตัวแปรสำหรับข้อความโดยตรง แต่จะใช้การกำหนดชนิดของตัวแปรอักขระ (char) ร่วมกับการกำหนดขนาดแทน และจะเรียกตัวแปรสำหรับเก้บข้อความว่า ตัวแปรสตริง (string) รูปแบบการประกาศตัวแปรสตริงแสดงได้ดังนี้
char name[n] = "str";
name ชื่อของตัวแปร
n ขนาดของข้อความ หรือจำนวนอักขระในข้อความ
str ข้อความเริ่มต้นที่จะกำหนดให้กับตัวแปรซึ่งต้องเขียนไว้ภายในเครื่องหมาย " "
ตัวอย่างการประกาศตัวแปรสำหรับเก็บข้อความ แสดงได้ดังนี้
char name[5] = "kwan" ; สร้างตัวแปร name สำหรับเก็บ ข้อความ kwan ซึ่งมี 4 ตัวอักษร ดังนั้น name ต้องมีขนาด 5
char year[5] = "2549"; สร้างตัวแปร year สำหรับเก็บ ข้อความ 2549 ซึ่งมี 4 ตัวอักษร ดังนั้น year ต้องมีขนาด 5
char product_id[4] = "A01"; สร้างตัวแปร product_id สำหรับเก็บ ข้อความ A01 ซึ่งมี 3 ตัวอักษร ดังนั้น product_id ต้องมีขนาด 4
อดอาหารแล้วทำให้อ้วน
การอดอาหาร เมื่อร่างกายไม่มีอะไรกินจะทำให้ไม่มีพลังงานจะทำให้ลดระบบการทำงานทุกอย่างในร่างกายเพื่อรักษาพลังงานให้ใช้ได้นานที่สุดและจะนำกล้ามเนื้อมาใช้เพื่อเป็นพลังงาน จะต้องย่อยกล้ามเนื้อตัวเองหรือกลืนน้ำลายเพื่อให้ได้พลังงาน และคล้ายๆกับการทำงานของยาลดน้ำหนักแต่สิ่งที่กดประสาทของคุณคือ จิตใจของตัวคุณเอง มันสามารถจะทำให้เราไม่กินได้แต่ร่างกายจะขาดสารอาหารเพราะความจริงแล้วร่างกายเราต้องการสารอาหารทุก 15 นาที ซึ่งร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยเซลล์ที่มีชีวิตเมื่อไม่กินอาหารเข้าไปร่างกายก็จะทำการเซฟพลังงานโดยการทำให้ระบบทุกอย่างในร่างกายทำงานน้อยลง เช่นระบบเผาผลาญ และเมื่อคุณหยุดทานยาลดน้ำหนักแล้วก็จะไม่มีอะไรไปกดประสาทให้ไม่หิวจะทำให้น้ำย่อยไหลย้อนกลับมากขึ้นทำให้หิวมากกว่าเดิม ซึ่งไขมันเก่าและใหม่รวมกันมากขึ้นจนทำให้อ้วนมากกว่าเดิมอีกสิบหรือยี่สิบโลซึ่งเราเรียกว่า yoyo effect ซึ่งจะออกฤทธิ์ภายในหนึ่งถึงหกเดือนหลังจากที่เลิกทานยาลดน้ำหนัก และหลังจากเลิกการอดอาหารแล้วเนื่องจากการอดอาหารไม่สามารถเอาไขมันออกไปได้ แต่มันเอามวลกล้ามเนื้อและน้ำออกไปทำให้ผิวพรรณไม่ดี และประสาทจะสั่งน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารได้เร็วมากจึงทำให้อ้วนกว่าเดิมเพราะไม่มีอะไรกดประสาททำให้กินมากกว่าเดิมและแถมยังทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานหนักมาก ส่งผลให้ระบบต่างๆในร่างกายเสื่อมการทำงานและเริ่มที่จะทำงานอย่างผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่สำคัญที่สุดคือระบบเผาผลาญจนกระทั่งทำให้เราอ้วนเพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่างๆไปเลี้ยงร่างกายไม่ได้จนเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค
The Secret of the good health depend on the best nutrition
ในปัจจุบันการแพทย์เรียนรู้การป้องกันไม่ให้เกิดโรคโดยใช้หลักโภชนาการบำบัด
ความลับการมีรูปร่างที่ดีขึ้นเพราะได้รับสารอาหารทางการแพทย์ที่ดีถูกต้องตามกฏหมายเพราะผ่านองค์การอาหารและยามากกว่า 66 ประเทศทั่วโลก จึงไม่มีผลข้างเคียง
และโรคอ้วนเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเสื่อมของร่างกาย
ซึ่งเกิดจากการทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ
โปรแกรมจะช่วยดีทอกซ์ร่างกายเพื่อล้างสารพิษออกทำงานเหมือนสก็อตไบรท์ที่ล้างสิ่งสกปรกที่ไม่ดีออกจากร่างกายซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น เพราะถ้าตัวดูดซึมทำงานได้ไม่ดีก็ได้แต่เคี้ยวแล้วกลืนสู่กระเพาะอาหารแต่ไม่สามารถย่อยได้แล้วผ่านสู่ลำไส้เลยเป็นเพราะว่าไขมันที่ท้องหนา และดักจับสิ่งสกปรกสารพิษที่ไม่ดีที่ปนเปื้อนมากับอาหารซึ่งมีรูปร่างเหมือนแหดักปลา แล้วลงลำไส้เพื่อถ่ายไป ( ซึ่งอายุเกินแปดขวบก็ควรล้างทำความสะอาดลำไส้และระบบดูดซึม ) ถ้าไม่อย่างนั้นน้ำหนักก็จะขึ้นตลอด
โปรแกรมจะเป็นการดูแลระดับเซลล์ หรือ cellular nutrition จากการที่ร่างกายต้องการอาหารทุกๆสิบห้านาทีและถูกดูดซึมได้ทุกๆสิบห้านาทีจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานน้อยลงก็จะฟื้นฟูระบบในร่างกายที่เสื่อมและระบบเผาผลาญ คืนระบบสมดุลธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายทำให้อวัยวะที่เคยทำงานได้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง
มีสารอาหารเป็นสองเท่าซึ่งเหมาะกับคนที่จริงจังในการลดน้ำหนักและสามารถทำให้ไม่กลับมาอ้วนอีก เพราะจะฟื้นฟูระบบทุกอย่างในร่างกายรวมถึงระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้ 100 % เต็ม ซึ่งเมื่อเวลาเรากินอะไรเข้าไปมันจะเผาผลาญจนหมดและไม่กลับมาอ้วนอีกและสิ่งสกปรกจะถูกขับถ่ายมากขึ้นในการขับถ่ายออกมา
ซึ่งมีโปรแกรมแบบรายสามเดือน
โปรแกรมแรก
มีตัวลดน้ำหนัก
ตัวดีท๊อกซ์สิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย
ตัวที่จะทำให้ร่างกายดื่มน้ำได้โดยธรรมชาติ จะได้กืนน้ำได้สองลิตรครึ่งต่อวัน
ตัวสารอาหารที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ
ตัวนี้คุณต้องช่วยด้วยการดื่มน้ำด้วยจึงมีตัวที่ทำให้ร่างกายดื่มน้ำได้โดยธรรมชาติ
ราคาของโปรแกรมนี้คือ 9300 บาท เฉลี่ยเดือนละ 3100 บาท
โปรแกรมที่สอง
มีตัวลดน้ำหนัก
ตัวเอาไขมันเฉพาะที่เฉพาะส่วนออกเช่นไขมันหน้าท้องของคนมีลูกแล้ว ทั้งหมดในร่างกาย (อกเป็นอก สะโพกเป็นสะโพก ขาเป็นขา แขนเป็นแขน)
ตัวดีท๊อกซ์สิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย
ตัวสารอาหารที่ทำให้ไม่กลับมาอ้วนอีก
ตัวนี้จะสามารถนำไขมันเฉพาะส่วนออกได้เองโดยไม่ต้องดื่มน้ำเหมือนโปรแกรมแรกและลดได้เร็วกว่า
ราคาของโปรแกรมนี้คือ 19300 บาท เฉลี่ยเดือนละ 6433 บาท
โปรแกรมที่สาม
จะใช้กับพวกดารา สำหรับคนที่ต้องการแบบรวดเร็วและสัดส่วนเปลี่ยนเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้กับพวกดาราหลังคลอดทำให้ผอมเร็วและกลับมารับงานแสดงได้ เหมาะกับคนที่มีปัญหาด้านการเงิน
ราคาของโปรแกรมนี้คือ 29300 บาท เฉลี่ยเดือนละ 9766 บาท
การทำงานของโปรแกรม
- อ้วนอย่างเดียวเพราะสภาวะบกพร่อง(กินอาหารผิด) ประมาณ 3-5 วันน้ำหนักจะเริ่มลดแล้ว
- ถ้าคนเคยกินยาลดความอ้วน หรือยาประจำตัว เข่นภูมิแพ้ ยารักษาโรคต่างๆอย่างต่อเนื่อง หนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่เข้าไปดีท๊อกซ์สำหรับล้างสารพิษที่มากับยาลดนน, ยาประจำตัว ยารักษาโรคต่างๆเพื่อเข้าไปฟื้นฟูระบบข้างในร่างกายก่อน เนื่องจากขาดสารอาหารมานาน รวมทั้งเข้าไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเอาไขมันเสียออก หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มทำงานดีขึ้นจนตอบรับกับโปรแกรมได้ดีจนน้ำหนักค่อยๆลด
- ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย มีสาเหตุเดียวคือไม่เข้าตามโปรแกรม
โดยตลอดทั้งโปรแกรมจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด
***คิดว่าสามารถทานโปรแกรมไหนได้ เอาแบบที่ไม่เดือดร้อนเรา เพราะถ้ากินแล้วเดือดร้อนเครียดแล้วจะทำให้ระบบเผาผลาญไม่ทำงานซึ่งก็จะทำให้โปรแกรมไม่ได้ผล
สนใจติดต่อที่เบอร์ 086- 345 -8015 สุจินันท์ จากศูนย์โภชนาการบำบัดทางการแพทย์
+ข้อมูลจาก ศูนย์โภชนาการบำบัดทางการแพทย์ +
อาหารที่ทำให้หุ่นเพียว
· ควรกินอาหารที่มีเส้นใยสูง
อาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชชนิดต่างๆ ผัก ผลไม้ เส้นใยอาหารนั้นจะทำให้คุณอิ่มเร็ว อิ่มนาน กินแล้วจะรู้สึกหนักท้อง จึงไม่ทำให้อ้วนหากกินในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้ยังดีต่อสุขภาพตรงที่ช่วยในการขับถ่ายทำให้ไม่เป็นโรคท้องผูก
· ควรกินอาหารที่มีแคลอรีไม่สูง
ควรเป็นอาหารประเภทผักผลไม้จะดีที่สุด แต่ต้องดูในเรื่องของแคลอรี ด้วยว่าจะมีมากน้อยเพียงใด สำหรับผักผลไม้ที่ควรกิน เช่น ส้ม สับประรด ฝรั่ง สาลี่ แอปเปิล ชมพู่ แครอต ผักบุ้ง คะน้า แตงกวา มะเขือยาว ฝัก กะหล่ำปลี ผักกาดขาว
· ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ
จากปกติที่เคยกินอาหารวันละ 3 มื้อ ก็อาจแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ ได้ 5-6 มื้อ เพื่อทำให้ช่วงเวลาในการกินอาหารไม่ยาวนาน จนเกินไปซึ่งอาจทำให้คุณเกิดความอยากหรือโหยอาหาร เพียงแต่อาหารในละมื้อนั้นควรจำกัดปริมาณให้น้อยลง เรียกได้ว่าอาหาร 5-6 มื้อย่อย เมื่อรวมกันแล้วจะไม่มากเกินกว่าอาหาร 3 มื้อที่คุณเคยกิน
· ควรมีอาหารว่างระหว่างมื้อหากเป็นคนชอบกินจุบจิบอาหารว่างนั้นสามารถแก้ความหิวหรือความอยากได้เป็นอย่างดี อาหารที่คุณควรกินระหว่างมื้อควรเป็นอาหารที่ให้แคลอรีน้อยๆ เช่น ผัก ผลไม้ น้ำผัก น้ำผลไม้ ซุปใส แครกเกอร์ชิ้นเล็กๆ ขนมปังโฮวีตไม่กี่แผ่น นม น้ำเต้าหู้ โยเกริ์ต
หลีกเลี่ยงอาหารว่างบางชนิดที่อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มโดยไม่รู้ตัว เช่น น้ำหวาน ไอศกรีม คุกกี้ เค้ก ช็อกโกแลต อาหารทอดทั้งหลาย ซาลาเปา
· ควรดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ
ควรดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-12 แก้วเพื่อทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ระบบต่างๆ ในร่างกายจะสามารถดำเนินไปได้สะดวกโดยเฉพาะระบบขับถ่าย การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็ว ขึ้น กินอาหารได้น้อยลงจึงไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักได้
· หลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างที่เพิ่มแคลอรีโดยไม่รู้ตัว
อาหารบางชนิดอาจดูเป็นอาหารที่ให้แคลอรีน้อยหรือ แทบจะไม่ให้เลย แต่หากกินเข้าไปในปริมาณมากเกินควรก็อาจเพิ่มแคลอรีส่วนเกินแก่คุณได้ เช่น น้ำจิ้ม ประเภทต่างๆ ซอสพริก ซอสทะเขือเทศ บ๊วยเจี่ย น้ำจิ้มไก่ ซึ่งซอสหรือน้ำจิ้มเหล่านี้จะมีน้ำตาลอยู่ในปริมาณสูงทีเดียว และบางคนอาจกินน้ำจิ้มเป็นถ้วยๆ พร้อมกับอาหารเพียงไม่กี่คำแต่ก่อให้เกิดความอ้วนได้ง่ายๆ
อ้างอิงจ้าhttp://www.tlcthai.com/
ดอกไม้กินได้
แกงส้มดอกขจร
ยำดอกขจร
แกงจืดดอกขจร
ไข่ตุ๋นดอกขจร
ข้าวต้มดอกขจร แกงส้มดอกแคปลาดุก
ดอกแคสอดไส้
แกงเหลืองปลากระพงดอกแค
ดอกแคชุบแป้งทอด
ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว
แกงดอกโสน
ดอกโสนผัดน้ำมันหอย
ยำดอกโสน
ขนมดอกโสน แกงดอกไม้เหล็ก
สะเดาน้ำปลาหวาน
ยำดอกสะเดา แกงดอกพยอม
พล่าดอกพยอม
ยำบุบผา
บุษบาทอดกรอบ หมูซ่อนกลิ่น
แกงจืดดอกซ่อนกลิ่น พล่าดอกโศก
ดอกโศกน้ำพริกก้อย
แกงส้มดอก
อ้าวอิงจ้า...http://www.panmai.com/Food/Food.shtml
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Luke Worrell
Celebs, Kelly Osbourne with her boy Luke Worrell and the Prince of Dubai arriving at Mahiki in Mayfair for the New Years celebrations. Kelly was a guest DJ at the club.
document.write(localMDY('December 31, 2008 00:00'));
December 31, 2008 - Photo by Photo Agency)
น่าแบบหนุ่มน่าตาดี อายุ18ย่าง19 แต่คิดว่าตอนนี้คงจะอายุ19แล้ว นายแบบที่บรรดาสาวๆชอบพูดถึงมากที่สุด เพราะความที่เค้าเป็นคนที่มีน่าตาน่ารักนั่นเอง เรียกว่า ทั้งหล่อ ทั้งน่ารักเลยก็ว่าได้ วันนี้เราได้นำภาพของแฟนสาวของหนุ่มLuke มาให้ชมกันด้วย เธอเป็นผู้หญิงผู้โชคดีที่มีคนเกลียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง
Nationality
British
Birth Date
December 26, 1989
Status
Rising star
Known for
Hair, Style
Agencies
VNY Management
Dated
Kelly Osbourne (Since 08)
Friends
Cole Mohr, Nick Snider, Agyness Deyn, Carmen Kass, Taylor Fuchs, Tyler Riggs, Meghan Collison, Alice Dellal, Josh Beech, Eliza Cummings
Interests
Skateboarding
Luke Worrall's Career Highlights
26 DEC, 1989
Born in London, England
2007
Discovered while skateboarding in London
2007
Signs with Public Image Worldwide
AUG 2007
Lands first major cover, for Dazed & Confused
SEP 2007
Walks the spring Marc by Marc Jacobs show in New York
NOV 2007
Lands second cover for Dazed & Confused
NOV 2007
Featured as a rising star in i-D magazine
2007
Appears in French Vogue editorial
2008
Becomes the face of Topman and Marc by Marc Jacobs
2008
Begins to date Kelly Osbourne
JAN 2008
Steven Klein photographs Worrell alongside Hilary Swank for W and alongside Jessica Stam for V
29 JAN, 2008
Models.com features Worrell as “Cool Hand Luke" Story»
MAR 2008
Appears in Dazed & Confused editorial with Agyness Deyn
2008
Lands on the summer cover of Arena Homme +, photographed by Juergen Teller
JUN 2008
Appears in Qvest editorial, photographed by Robi Rodriguez
2008
Appears in the summer issue of Crash, photographed by Giuseppe Gasparin
AUG 2008
Appears in British Vogue editorial alongside Agyness Deyn, photographed by Tim Walker
AUG 2008
Appears in Dazed & Confused editorial, photographed by Mariano Vivianco
2008
Models for Barneys Co-Op fall catalog with Meghan Collison
2008
Joins Lisa Cant in Juicy Couture's fall ad campaign
2008
Becomes the face of Vivienne Westwood fall ad campaign
SEP 2008
Leaves Public Image Worldwide and signs with VNY Management
SEP 2008
Walks the spring Marc by Marc Jacobs, rag & bone, and Thom Browne shows in New York
เที่ยวงานเทศกาลทานะบะตะที่ญี่ปุ่ +

นเวลาที่แสนสวยงามของเรา อาจจบเท่านั้น เป็นเพียงเพราะเราใช้มันทำให้กันและกัน ต้องเสียใจ เมื่อความเป็นจริงวันวานเมื่อวานนั้นผ่านไป แต่เรายังหวัง ให้รักที่เหลือเจือจางเป็นดั่งเดิมทุกอย่าง เราใฝ่ไปเกินฝัน จนเป็นความไม่เข้าใจ เวลาจะแปรอะไรจากที่เป็น ไม่เว้นแม้รัก ที่ผูกพันและเสียดาย จนวันหนึ่งมันเปลี่ยนเราไปคล้ายใคร ไม่รู้จัก บางทีเราเป็นเพียงคนโง่ บางทีเราเป็นเพียงคนเหงา บางทีเราอาจเพียงต้องการแค่เรา ที่หายไป บางทีเราเป็นเพียงคนหนึ่งธรรมดา ที่ไม่เข้าใจ ในความหมายรักลึกซึ้ง และแสนยิ่งใหญ่ กว่าใครครอบครอง เราเคยคิดว่า เราสองเราก็ต่าง เข้าใจในรัก และพยายามทำเหมือนว่าเรารู้จัก ความไว้ใจ ก็เคยสัญญาว่าไม่ครอบครอง เราแค่ประคองกันไว้ แต่ความรักนั้นทำให้ทุกอย่างมันไม่ง่าย แล้วมันจะผ่านพ้นไปหรือเปล่า แล้วเราจะลืมได้เมื่อไร แล้วใจที่พังยับเยินใครจะเอาไว้ ...... รัก คือที่มาของความสุข แต่รักก็เอามันคืนไป ไม่รู้ ใครบอกฉันซักทีว่า ความรัก...มันคืออะไร มันคืออะไร ใครบอกฉัน.....
รักแรก คือรักที่เต็มไปด้วยความสุขและความเจ็บปวด
รักต่อมา... คือรักที่มาซ่อมแซมความเจ็บปวดจากรักแรก
Please let a miracle happen.ได้โปรดมอบปาฏิหารย์Then every time I look at the sky, I'll think of you. A clear sky means,you in a good mood."ทุกครั้งที่ฉันมองท้องฟ้า ฉันจะนึกถึงเธอ... หากฟ้าสดใส แปลว่าเธอมีความสุขดี"A rainy day means,you are crying."ถ้าฟ้ามีฝน แปลว่าเธอร้องไห้"A sunset means you're embarassed."ถ้าฟ้ายามเย็น แปลว่าเธอกำลังเขินอาย"A night sky means,you're warmly hugging me."ฟ้ายามค่ำคืน แปลว่าเธอกำลังค่อยๆ ประคองกอดฉัน"(ภาพนี้อาจโหลดนาน>>[ ]<<แต่ไม่อยากให้พลาด)...I only bought you a cheap ring."แทนแหวนราคาถูกที่ฉันมีปัญญาซื้อให้ได้... ฉันจะมอบดาวหมดท้องฟ้าให้เธอเลย"To make it up to you,I'll give you all the stars in the universe...."พวกเราจะรักกันตลอดไป""มิกะ ยิ้มไว้นะ"แต่ฉากที่ชอบที่สุด ไม่ได้แคปภาพมาให้ดูกลัวสปอย(หนักกว่าที่กำลังทำอยู่ ฮ่าๆๆ) มันเป็นตอนท้ายๆอ่ะ ดูแล้วแบบ... ขนลุกนิดๆ (ไม่ใช่ฉากอกุศลนะ - -")ประทับใจจริงๆ ไปลองหามาดู แล้วมาบอกทีว่า "ชอบฉากนั้น" เหมือนกันมั้ย...I still love the blue sky.ฉัน
จะยังรักท้องฟ้าสีฟ้านี้
From this day and always,this love will last...จากวันนี้และตลอดไป,รักนี้จะอยู่..
Forever....นิรันดร...
อ้างอิงจาก http://images.google.co.th/images?hl=th&um=1&sa=1&q=ญี่ปุ่นน่ารัก&aq=0&oq=ญ&star
ประวัติความเป็นมาของ วันวาเลนไทน์

ชื่อของ วาเลนไทน์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับ วันแห่งความรัก นี้ได้อย่างไร ? และทำไมเดือนกุมภาพันธ์ จึง เป็นเดือนแห่งความรัก ?
ประวัติดั้งเดิมของ วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็น วันแห่งความรัก เกี่ยวพันทั้งกับประเพณีของชาวคริสเตียน และประเพณีดั้งเดิมของชาวโรมัน ที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน ตามความรับรู้ของชาวคริสต์ วันวาเลนไทน์ มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนักบุญที่ชื่อ วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส อย่างน้อย 3 คน ซึ่งทุกคนเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์ทั้งสิ้น
ตำนานหนึ่งเล่าว่า วาเลนไทน์ เป็นนักบวชที่มีชีวิตอยู่ในกรุงโรม ในช่วงศตวรรษที่ 3 ของปีคริสตศักราช ในช่วงที่จักรพรรดิ คลอดิอุส 2 ปกครองกรุงโรม พระองค์เห็นว่า ผู้ชายที่เป็นโสด จะทำหน้าที่ทหารได้ดีกว่าชายที่มีภรรยาและครอบครัว พระองค์จึงทรงออกกฎหมายห้ามมิให้ผู้ชายในวัยหนุ่มแต่งงา

อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า นักบวชวาเลนไทน์ ถูกประหารเพราะพยายามที่จะช่วยเหลือชาวคริสเตียนให้หนีออกจากคุกของพวกโรมัน ซึ่งเวลานั้น ผู้ที่เป็นคริสเตียนจะมีความผิด ต้องถูกนำไปคุมขัง และทรมานด้วยการเฆี่ยนตี
ตำนานที่สามเล่ากันว่า นักบวช วาเลนไทน์ คือผู้ที่ส่ง บัตร “ วาเลนไทน์ ” เป็นคนแรก ในขณะที่นักบวช วาเลนไทน์ ถูกจำคุกอยู่นั้น เขาตกหลุมรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง นางเป็นลูกสาวของผู้คุมที่คุกแห่งนั้น ซึ่งนางเข้าไปเยี่ยมในระหว่างที่นักบวชผู้นี้กำลังนอนป่วย ก่อนที่จะถูกประหาร เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงนาง และลงท้ายจดหมายว่า “ จาก วาเลนไทน์ ของเธอ ” ซึ่งเป็นวลีที่ยังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าความจริงเกี่ยวกับนักบวช วาเลนไทน์ จะเป็นตำนานที่ค่อนข้างสับสน แต่ทุกตำนานก็เป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ ความกล้าหาญ และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ ความรัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ในยุคกลางของยุโรป(ประมาณศตวรรษที่ 5 ถึงศตวรรษที่ 16 ของปีคริสตศักราช) นักบุญ วาเลนไทน์ จะเป็นหนึ่งในนักบุญที่ได้รับความศรัทธามากที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษและฝรั่งเศส
ขณะที่บางคนเชื่อว่า วันวาเลนไทน์ คือวันรำลึกถึงการเสียชีวิต หรือวันทำพิธีฝังศพของนักบุญ วาเลนไทน์ ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจจะเริ่มมาตั้งแต่ประมาณปีคริสตศักราช 270 ในบางความเชื่อกล่าวว่า พิธีแสดงความรักต่อนักบุญ วาเลนไทน์ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นประเพณีที่เพื่อแสดงความเป็น คริสเตียน ของนักบวชในศาสนาคริสต์ เพื่อที่จะมาทดแทนเทศกาล ลูเปอร์คาเลีย (Lupercalia) ของชาวโรมันในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่แสดงความรักต่อเทพเจ้าฟอนนัสของชาวโรมัน ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งเกษตรกรรม และเทพเจ้ารอมมิวนัส และเทพเจ้าเรมัส เทพเจ้าผู้สร้างกรุงโรม
พิธีเริ่มต้นโดยพวกสมาชิกของ ลูเปอร์ซิ และนักบวชโรมัน ไปชุมนุมกันที่ถ้ำอันศักดิ์ของพวกเขา ซึ่งเป็นที่กำเนิดของเทพเจ้า รอมมิวนัส และ เรมัส ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างกรุงโรม และเติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูและดื่มนมจากหมาป่า หรือ ลูปา พวกนักบวชโรมันจะทำการฆ่าแพะบูชายัญเพื่อความอุดมสมบูรณ์ และฆ่าสุนัขบูชายัญเพื่อความบริสุทธิ์
จากนั้นเด็กหนุ่ม ๆ จะทำการแล่หนังของแพะออกเป็นชิ้นยาว ๆ นำไปจุ่มในเลือดศักดิ์สิทธิ์ ถือไปตามถนน นำไปแตะที่ตัวผู้หญิง และถือไปตามท้องไร่ท้องนาต่าง ๆ ผู้หญิงโรมันจะเต็มใจให้นำเอาหนังแกะสดที่ชุ่มไปด้วยเลือดมาแตะตามตัว เพราะเชื่อว่าจะนำเอาความอุดมสมบูรณ์มาสู่กรุงโรม จากนั้นในรุ่งขึ้นอีกวัน หญิงสาวชาวเมืองจะพากันเอาชื่อของนางใส่ลงในหม้อขนาดใหญ่ เพื่อให้ชายโสดทั้งหลายมาเลือกชื่อพวกนางจากหม้อใบนี้ และก็เป็นคู่กันไปตลอดทั้งปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะลงเอยด้วยการแต่งงานกัน สันตะปาปา เกลาเซียส ได้ประกาศเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันนักบุญวาเลนไทน์ เมื่อประมาณปีคริสตศักราช 498 การเลือกคู่แบบโรมัน กลายเป็นสิ่งที่ “ ไม่ใช่คริสเตียน ” และผิดกฎ ต่อมาในสมัยยุคกลางของยุโรป ได้กลายเป็นความเชื่อของคนในอังกฤษและฝรั่งเศสว่า 14 กุมภาพันธ์ เป็นการเริ่มต้นฤดูผสมพันธุ์ของ “ นก ” แล้วก็กลายเป็น วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็น วันแห่งความรัก
เรื่องราวของ วาเลนไทน์ ที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งยังมีหลักฐานหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน คือบทกวีที่เขียนโดย ชาร์ลส ขุนนาง แห่ง ออร์ลีนส์ ซึ่งเขียนให้กับภรรยาของเขาขณะถูกคุมขังในหอคอยกรุงลอนดอน เนื่องจากถูกจับกุมในระหว่างสงคราม อะจินคอร์ต บทกวีชิ้นนี้เขียนขึ้นเมื่อปีคริสตศักราช 1415 ถูกเก็บไว้ในห้องสมุด บริติช แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และหลายปีต่อมา เชื่อกันว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ได้จ้างวานให้กวีที่ชื่อ จอห์น ไลด์เกต ประพันธ์บทกวี วาเลนไทน์ ให้กับ แคทเธอรีน แห่ง วาโลอิส ในอังกฤษ เทศกาล วันวาเลนไทน์ ได้รับความนิยม มาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 17 ของปีคริสตศักราช
คิวปิด หรือ กามเทพ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักของชาวโรมัน ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ อันหนึ่งของ วันวาเลนไทน์ เนื่องจาก คิวปิด เป็นบุตรของเทพธิดา วีนัส ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความรัก และความงามของชาวโรมัน และมักจะปรากฏอยู่บน บัตรอวยพร วันวาเลนไทน์ อยู่เสมอ
กลางศตวรรษที่ 18 เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับผู้ที่เป็นคนรักกัน หรือ แม้แต่มิตรสหาย ทุกชั้นชน ที่จะแลกเปลี่ยนของขวัญชิ้นเล็ก ๆ หรือส่งจดหมายถึงกัน
จนถึงยุคปัจจุบัน ก็ได้กลายเป็นการส่งบัตรอวยพร การซื้อของขวัญ และการมอบขนมและช็อกโกแลต ให้แก่กัน และจนถึงวันนี้การส่งอีเมล์ และ เอสเอ็มเอส เพื่ออวยพรเนื่องใน วันวาเลนไทน์ ก็อาจจะเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดอีกสื่อหนึ่ง
สถิติของยุโรปและอเมริกา พบว่า ประมาณร้อยละ 85 ของผู้ที่ใช้จ่ายเพื่อ วันวาเลนไทน์ จะเป็นสตรี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของ บัตรอวยพร ซึ่งก็ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นการอวยพรเฉพาะคู่รักเท่านั้น เพราะในวันวาเลนไทน์นี้จะสามารถแสดงออกความรักต่อใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน
อ้องอิงจาก http://www.educatepark.com/english/valentines.php
ขนมไทย

กล้วยไข่ห่ามๆ
12
ผล
น้ำตาลทราย
1
ถ้วยตวง
น้ำ
1
ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ตวงน้ำกับน้ำตาลใส่กระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย แล้วนำมากรอง นำไปเคี่ยวใหม่จนน้ำตาลเดือด2. ปอกเปลือกกล้วย ลอกเส้นใยกล้วยออกให้หมด ใส่ในน้ำตาลที่เดือด จะเชื่อมทั้งลูก หรือตัดเป็น 2 ท่อนก็ได้3. เชื่อมไปสักครู่ จนเห็นว่าสีของกล้วยสุกเหลืองและใสทั่วกัน จึงตักขึ้นใส่จานหรือชามสำหรับรับประทาน
หมายเหตุ ขณะเชื่อมกล้วย จะต้องไม่คน เพราะจะทำให้กล้วยเละและเป็นขน ควรใช้ช้อนตักน้ำเชื่อมราดบนกล้วยเท่านั้น
กลับขึ้นด้านบน
กล้วยบวชชี
ส่วนผสม
หัวกะทิ
1
ถ้วยตวง
กะทิ
6
ถ้วยตวง
กล้วยน้ำว้าหรือกล้วยไข่
1
หวี (ประมาณ 15 ผล)
น้ำตาลทรายขาว
1
ถ้วยตวง
เกลือ
1 1/2
ช้อนชา
วิธีทำ
1. ปอกกล้วยให้หมดเส้นใย ถ้าเป็นกล้วยไข่ให้ตัด 2 ท่อน ถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าให้ผ่า 2 ซีก แล้วตัด 2 ท่อน2. หัวกะทิตั้งไฟให้เดือด3. หางกะทิใส่น้ำตาล เกลือ ตั้งไฟ และต้องคอยคนอยู่เสมอ พอเดือดใส่กล้วย ต้มพอสุก ยกลง เวลาตักใช้หัวกะทิราด
กลับขึ้นด้านบน
กลีบลำดวน
ส่วนผสม
แป้งสาลี
5
ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายเม็ดบดละเอียด
4
ถ้วยตวง
น้ำมันพืชหรือน้ำมันหมู
1 1/2
ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง 2-3 ครั้ง น้ำตาลบดละเอียด2. นำแป้งและน้ำตาลเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำมันทีละน้อย นวดไปผสมไป จนปั้นเป็นก้อนได้3. ปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/2 นิ้ว ใช้มีดปลายแหลมกรีดแบ่งเป็น 3 กลีบ จัดรูปให้งุ้มเหมือนกลีบลำดวน หยิบแป้งปั้นเม็ดเล็กๆ วางกลางดอกเป็นเกสร4. ทาน้ำมันที่ถาดอบ เรียงขนมใส่ ใช้ไฟกลางประมาณ 15-20 นาที สุกแล้วพักไว้ให้คลายร้อน เก็บใส่ขวดโหล
กลับขึ้นด้านบน
แกงบวดฟักทอง
ส่วนผสม
ฟักทองเนื้อแน่นๆ
1
กิโลกรัม
มะพร้าวขูดขาว
1/2
กิโลกรัม
น้ำตาลปีบ
1
ถ้วยตวง
เกลือป่น
1
ช้อนชา
วิธีทำ
1. คั้นกะทิให้ได้กะทิ 1 ถ้วยตวง และหางกะทิ 2 ถ้วยตวง2. ปอกเปลือกฟักทอง ฝานไส้กลางทิ้ง หั่นเป็นชิ้นขนาดพอสมควร ล้างน้ำสะอาดแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ3. ตั้งหางกะทิบนไฟกลาง คนตลอดเวลา พอเดือดใส่ฟักทองลงต้มประมาณ 10 นาที ใส่น้ำตาลคนให้ละลาย ต้มต่ออีก 5 นาที จึงเติมหัวกะทิและเกลือป่น ต้มให้เดือดอีกครั้ง ยกลงรับประทานได้
กลับขึ้นด้านบน
ขนมกล้วย
ส่วนผสม
กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกยีให้เละ
3
ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดขาว
1
ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า
3
ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย
2
ถ้วยตวง
เกลือป่น
1
ช้อนโต๊ะ
กะทิข้นๆ
1
ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำกล้วยที่ยีแล้ว แป้งข้าวเจ้า น้ำตาล เกลือและกะทิผสมกัน เคล้าให้เข้ากันดี2. ตักส่วนผสมนี้ลงในถ้วยตะไล หรือห่อด้วยใบตอง หรือถาดก็ได้ และโรยด้วยมะพร้าวขูด ซึ่งเคล้ากับเกืลอป่นเล็กน้อย3. นำไปนึ่งในลังถึงที่น้ำกำลังเดือด ประมาณ 20 นาทีจึงยกลง
หมายเหตุ กล้วยที่ใช้ควรเป็นกล้วยที่สุกงอม เพราะจะทำให้มีรสหวานอร่อย
กลับขึ้นด้านบน
ขนมชั้น
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้าชนิดผงอย่างดี
2
ถ้วยตวง
แป้งมันหรือแป้งท้าวยายม่อม
2
ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย
6
ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ
8
ถ้วยตวง
กะทิ
6
ถ้วยตวง
น้ำใบเตย
สีชมพู (สีผสมอาหาร)
วิธีทำ
1. ต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง พอเดือดและน้ำตาลละลาย แล้วกรอง ทิ้งไว้ให้เย็น2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน กับกะทิน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน3. แบ่งแป้งออกเป็นสีขาว 2 ส่วน สีชมพู และสีใบเตย 1 ส่วน 4. นำถาดใส่บนลังถึง ตั้งบนไฟแรงๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาว เทใส่ให้บางๆ ปิดฝานึ่ง นึ่งจนสุก จะมีลักษณะใส5. เปิดฝาลังถึง ตักแป้งสีชมพูใส่ลงอีก ทำสลับกันจนหมดแป้ง6. สีเขียวใบเตยก็ทำเช่นเดียวกับสีชมพู พอสุกทิ้งไว้ให้เย็น ตัดเป็นรูปตามชอบ
กลับขึ้นด้านบน
ขนมด้วง
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า
1
ถ้วย
แป้งมัน
1
ถ้วย
น้ำ
1
ถ้วย
มะพร้าวทึนทึก
1
ซีก
น้ำตาลทราย
1/2
ถ้วยตวง
งาคั่วแล้ว
2
ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น
1
ช้อนชา
หัวกะทิ
1/2
ถ้วย
วิธีทำ
1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมัน (เหลือแป้งมันไว้ทำนวลนิดหน่อย) กับน้ำตั้งไฟ กวนพอสุก พักไว้ให้เย็น นวดแป้งให้เนียน โรยนวลเล็กน้อย2. แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็กๆ ใช้มือคลึงแป้งให้เป็นรูปแหลมหัวแหลมท้าย แล้วนำไปใส่ลังถึง นึ่งแป้งให้สุก3. ขูดมะพร้าวทึนทึกด้วยมือให้เป็นเส้นยาว นำไปนึ่ง เมื่อขนมสุกนำมาคลุกกับมะพร้าว4. หัวกะทิผสมกับเกลือป่น5. งาคั่วบุบพอแตก ผสมกับน้ำตาลทราย6. เวลาจะรับประทาน จัดขนมลง ราดด้วยกะทิและโรยงา
หมายเหตุ ตอนที่ปั้นแป้ง จะแบ่งแป้งผสมสีด้วยก็ได้
กลับขึ้นด้านบน
ขนมตาล
ส่วนผสม
เนื้อลูกตาลยีแล้ว
1/2
ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า
2
ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย
1
ถ้วยตวง
กะทิ
2
ถ้วยตวง
มะพร้าวทึนทึก
1
ซีก
วิธีทำ
1. ผสมแป้งและเนื้อลูกตาล แล้วนวด เติมกะทิทีละน้อยจนหมด2. ใส่น้ำตาลทราย คนให้ละลายเข้ากันดี3. นำไปตากแดดสัก 3-4 ชม. ให้แป้งข้น4. ขูดมะพร้าวให้เป็นเส้นยาว5. เมื่อแป้งขึ้น เนื้อขนมจะนูนขึ้น ตักขนมหยอดใส่ถ้วยตะไล หรือกระทงก็ได้ แล้วโรยมะพร้าว นึ่งไฟแรงประมาณ 15 นาที
หมายเหตุ เนื้อลูกตาลยีนั้น นำมาจากผลตาลที่สุกจนเหลืองดำ ส่วนมากจะหล่นจากต้นเอง ผลตาลนั้นมีกลิ่นแรง เมื่อปอกเปลือกออกเนื้อข้างในจะเป็นสีเหลือง นำมายีกับน้ำสะอาดให้หมดสีเหลือง นำน้ำที่ยีแล้วใส่ถุงผ้า ผูกไว้ให้น้ำตกเหลือแต่เนื้อ
กลับขึ้นด้านบน
ขนมถ้วยฟู
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า
3 1/2
ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ
2
ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายขาว
1 1/2
ถ้วยตวง
ยีสต์ผง
2
ช้อนชา
ผงฟู
4
ช้อนชา
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งข้าวเจ้ากับยีสต์รวมกัน แล้วค่อยๆ ใส่น้ำลอยดอกมะลิทีละน้อยๆ นวดจนแป้งนุ่ม แล้วใส่น้ำตาลทรายลงในแป้ง นวดต่อจนน้ำตาลทรายละลายหมด หลังจากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำลอยดอกมะลิในส่วนผสมแป้งทั้งหมด2. หมักส่วนผสมแป้งไว้ประมาณ 3 ชม.3. เตรียมลังถึง ตั้งน้ำให้เดือด นึ่งถ้วยให้ร้อนจัด ตักส่วนผสมแป้งที่หมักไว้ 1 ถ้วยตวง ใส่ผงฟู 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน หยอดลงในถ้วยให้เต็ม นึ่งไฟแรงประมาณ 15 นาที ทิ้งให้ขนมอุ่นๆ จึงแคะออกจากถ้วย
อ้างอิง จากhttp://www.educatepark.com/english/valentines.php
3]]ขาสั้นโชว์ขาอ่อน! แฟชั่นฮิต!สาว "มายา"
ทำเอาหนุ่มๆ ได้กิ๊วก๊าว กับแฟชั่นสุดฮิตใส่ขาสั้น โชว์ขาอ่อน ตอนนี้สาวๆ ในวงการบันเทิงเห่ออวดเรียวขางามๆ ออกงาน ถ่ายแฟชั่น เดินแบบ ว่าแต่มีใครกันมั่ง ตามไปดู"ขา"..เอ้ย! "เขา" กันดีกว่าเนอะ
นำขบวนต้อง "เจ้าแม่ขาสั้น" "ตอง"ภัครมัย โปตระนันทน์ ลงทุนไปสลายไขมันต้นขาด้วยราคาแสนแพง แถมแสนสาหัสเพราะต้องใช้เรียวขาหากินกับอาชีพนางแบบ ก็ลงทุนซะขนาดนี้แล้ว ออกงานทีไรเลย "ขาสั้น" ทู้กก..งาน คงต้องโชว์ให้คุ้ม..
ส่วนสาวเซ็กซี่ "พลอย"เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ช่วงหลังสลัดภาพเซ็กซี่ซะเกลี้ยงเพื่อ "พี่โดม" เจอแฟชั่นขาสั้นเข้าหน่อย เอ๊ะ..ชักอดใจไม่อยู่
"นุ่น"กชกร ศุภการกิจกุล สาวห้าวในละคร "ภารกิจพิชิตดอกฟ้า" แต่นอกจอก็ยังมีคิกขุกับเขาเหมือนกัน
หมวย "ได๋"ไดอาน่า จงจินตนาการ โชว์ขาขาวจั๊วขนาดนี้ หนุ่มไหนไม่หวั่นไหวก็แปลกแล้ว
เจ๊ใหญ่ "สุ่ย"พรนภา เทพทินกร ไม่ยอมตกยุค โชว์ขา โชว์พุง โชว์อกอึ๋ม ครบสูตรกันไปเลย
"โอ๋"เพชรดา เทียมเพ็ชร ยังโชว์แบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่ถึงกับสั้นจู๋ หรือหนุ่ม "ฟิวส์" ยังไม่ไฟเขียวรึเปล่าก็ไม่รู้
รายนี้คงถูกโฉลกกับขาสั้น "ฟาง"พิชญา ศรีเทพย์ จะออกงานหรือไปเที่ยวก็สั้นไว้ก่อน สงสัย "พี่ออย" จะชอบเทรนด์นี้
สั้นใสสมวัยดูโอ "โฟร์-มด" "มด"ชุติมณฑน์ ชัยรัตน์ กับ "โฟร์"ศกลรัตน์ วรอุไร พร้อมใจกันเซ็กซี่อย่างนี้ลบภาพคิกขุไปเยอะเลย..
"เปิ้ล"ภารดี อยู่ผาสุข สายเดี่ยวกับขาสั้นจู๋ขนาดนี้ แล้ว "อานัส" จะว่าไงน้อ
รุ่นใหญ่อย่าง "ลูกเกด"เมทินี กิ่งโพยม ก็ไม่น้อยหน้าน้องๆ ถึงท่อนบนจะใส่สูทเป็นทางการ แต่ท่อนล่างก็ยังแอบเซ็กซี่โชว์ขาอ่อน ไม่ทิ้งลาย "เซ็กซี่สตาร์"
ส่วน "บี"มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ ชอบบอกตัวเองไม่มีอะไรจะโชว์ แต่พอโชว์ขาเรียวขนาดนี้ก็ทำเอาหนุ่มๆ หวั่นไหวได้เหมือนกัน
เซ็กซี่ของจริง "ไอซ์"อภิษฎา เครือคงคา ใส่กางเกงแค่คืบ หนุ่มไฮโซทั้งหลายไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไป
เจ้าแม่แฉเบอร์ใหม่ "แอนนี่ บรู๊ค" เซ็กซี่บนความลึกลับ คอนเซ็ปต์สีดำตัดกับผิวขาวจั๊ว
นางเอกใหม่ "เอ็มมี่"มัฒฑณิฏาศ์ เศวตวิธยะธาดากุล จากหนัง "รักนะ อิอิ Gig Number Two" ถึงจะเป็นนางเอกมือใหม่แต่ก็กล้าหวือหวาซะแล้ว
สาว "ต้อง"สุภัชญา รื่นเริง เห็นติ๋มๆ อย่างนี้เหอะ เวลาเซ็กซี่ก็เข้าตากรรมการได้เหมือนกัน
ด้าน "แป้ง"อรจิรา แหลมวิไล กำลังเนื้อหอมในสายตาหนุ่มๆ ยิ่งโชว์ขาอ่อนขนาดนี้ หนุ่มๆ คงแย่งกันขายขนมจีบชุลมุน
อ้างอิงจาก http://www.educatepark.com/english/valentines.php
กันคิ้วให้ได้รูป

สาวๆ หลายคนมีดวงตาสวยซึ้งแต่กลับปล่อยให้ขนคิ้วรกรุงรังมาบดบังความงามไว้ ขณะที่บางคนผจญกับปัญหาหน้าโล้นเพราะขนคิ้วบางจัด แต่หากคุณได้อ่านเทคนิคการแต่งคิ้วง่ายๆ จาก ริค ดิเกกกา Estee Lauder Global Premier Make up Artist ที่ How To นำมาฝากในบรรทัดถัดจากนี้ไป รับรองว่าคุณจะมีคิ้วสวย ครบสูตร แน่นอน (คอนเฟิร์ม)
วัดหาเส้นคิ้วที่เหมาะสม
สำหรับการแต่งคิ้วนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกเริ่มจากการวัดหาเส้นคิ้วที่เหมาะสม ซึ่งคิ้วที่ได้รูปสวยนั้นหัวคิ้วควรจะตรงกับแนวหัวตาแล้วจึงเป็นแนวโค้งขึ้น โดยจุดสูงสุดของคิ้วที่โค้งขึ้นจะอยู่ตรงกับแนวของขอบตาดำด้านนอก ส่วนหางคิ้วจะไปสิ้นสุดตรงแนวเส้นที่ลากจากปีกจมูกผ่านหางตาออกไป และจะต้องไม่อยู่ต่ำกว่าหัวคิ้ว
Tips
สาวใบหน้ากว้าง มักจะมีเครื่องหน้าที่ค่อนข้างใหญ่ จึงควรปรับหัวคิ้วให้รับกับสันจมูกโดยไม่ควรให้รูปคิ้วหนามากและตรงมากเกินไป เพราะจะทำให้เส้นคิ้วยิ่งดูสั้นลง
สาวใบหน้ายาว ต้องแต่งรูปคิ้วให้ค่อนข้างหนาและไม่โค้งจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูยาวมากขึ้น
กันคิ้วให้ได้รูป
สำหรับสาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเบ้าตาแต่มักจะมีพื้นที่คิ้วเป็นปื้น ยิ่งขนคิ้วลามรกลงมาก็จะยิ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้แคบลงไปอีก แต่ถ้าได้กันคิ้วแล้วจะทำให้กระบอกตาดูกว้างขึ้นและใบหน้าดูสว่างสดใสยิ่งกว่าเดิม โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- ก่อนกันคิ้วให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแตะเบาๆ เพื่อให้ขนคิ้วเกิดความชุ่มชื้น อ่อนตัว และเจ็บน้อยลง
- ควรนั่งตัวตรงมองเข้าหากระจกในระดับสายตา
- ใช้นิ้วแตะคิ้วดึงขึ้นในแนวดิ่งเพื่อให้เนื้อบริเวณคิ้วตึง อ้าปากเพื่อให้โหนกแก้มลดระดับต่ำลงเล็กน้อย
- ใช้มีดโกนที่มีความคมและด้ามจับถนัดมือกันย้อนแนวเส้นขน คือจากหางคิ้วเข้ามาทางหัวคิ้ว เพราะหากกันตามแนวเส้นขนอาจจะหลงเหลือส่วนตอของเส้นขนคิ้วให้มองเห็นได้ โดยค่อยๆ กันทีละน้อยหรือทีละเส้นจนคิ้วสวยงามได้รูป
- หากไม่แน่ใจแนวสวย ก่อนลงมืออาจใช้ดินสอเขียนคิ้ววาดเส้นโค้งเป็นแนวคิ้วที่ได้รูปสวยงามไว้ก่อน แล้วค่อยใช้มีดโกนกันเส้นขนคิ้วที่เกินแนวดินสอนั้นออกไป
เขียนคิ้วอย่างมีเทคนิค
- หลีกเลี่ยงการเขียนคิ้วตั้งแต่หัวคิ้ว เพราะจะทำให้คิ้วดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติคล้ายกับการเขียนคิ้วถาวร โดยเริ่มจากการเขียนด้วยดินสอเบาๆ บนเส้นคิ้วห่างจากหัวคิ้วประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วไล้ไปตามเส้นขนคิ้ว ระวังอย่ากดดินสอจนถึงผิวหนัง จากนั้นใช้แปรงเขียนคิ้วเกลี่ยตามแนวเดิม
- ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยทับอีกครั้งเพื่อให้เส้นขนดูนุ่มนวลขึ้น และฝุ่นของอายแชโดว์จะช่วยทำให้หางคิ้วไม่หายไปในระหว่างวัน
- ใช้แปรงเขียนคิ้วเท่าที่มีสีติดอยู่ ไม่ต้องจุ่มสีใหม่ เกลี่ยย้อนมาทางหัวคิ้วให้เบลอหายมาทางสันจมูก
- วัดความยาวของหางคิ้ว โดยใช้พู่กันทาบจากปลายจมูกมาทางหางตา วาดหางคิ้วมาจบตรงนั้นจะเป็นสัดส่วนคิ้วที่สวยงาม
สีคิ้วเนียนเป็นธรรมชาติ
หากสาวๆ คนไหนอยากให้หน้าดูเด็กลงมีเทคนิคง่ายๆ โดยเลือกใช้อายโบรว์สีอ่อน ส่วนสีคิ้วเข้มจะทำให้ใบหน้าแลดูสุขภาพดี สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้ดินสอเขียนคิ้วสีดำเพราะจะทำให้หน้าดุและดูสูงอายุแถมบางครั้งยังดูหลอกตาด้วย
อย่างไรก็ดี การเลือกสีคิ้วให้คำนึงถึงสีผมด้วย สีที่ธรรมชาติที่สุดคือการดึงสีผมในส่วนที่เข้มที่สุดมาใช้เป็นสีคิ้ว เช่น ผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลต์สีบลอนด์ให้จับสีน้ำตาลเข้มมาปรับเป็นสีคิ้วได้ แต่ต้องดูความเหมาะสมกับคิ้วเดิมด้วย เพื่อไม่ให้ขัดกับความเคยชิน
Tips
สีคิ้วที่สวยเสมอสำหรับคนไทยคือสีน้ำตาล เพราะเป็นสีที่ทำให้ดูสดใสและใบหน้าอ่อนเยาว์เสมอ แนะนำให้ใช้มาสคาราสีน้ำตาลปัดขนคิ้ว เพราะนอกจากจะได้สีสวยแล้วยังเป็นการจัดทรงคิ้วไปในตัวด้วย
เทคนิคการปรับสีคิ้วทำได้ 2 วิธี คือ เขียนลงไปบนผิวหนังใต้คิ้วเหมาะกับการทำให้สีคิ้วเข้มขึ้นหรือการเติมคิ้วให้เต็ม แต่หากต้องการลดความเข้มของคิ้วให้ใช้อายโบรว์สีน้ำตาลอ่อนแทน
เลือกผลิตภัณฑ์แต่งคิ้ว
- แบบดินสอ จะเขียนถนัดมือ ปลายที่แหลมทำให้เขียนหางคิ้วได้คมชัด เหมาะสำหรับสาวคิ้วบาง
- แบบเนื้อฝุ่น จะช่วยเติมคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติและดกหนาขึ้น แถมยังช่วยเติมช่องว่างระหว่างคิ้วได้ด้วย
- แบบเนื้อเจล จะช่วยให้ขนคิ้วเรียงตัวสวยได้ตลอดวัน
รู้เทคนิคดีๆแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมไปลองหัดเขียนคิ้ว แต่งคิ้วกันนะคะ สาวๆ
ขั้นตอน และ เทคนิค การแต่งหน้า ให้กลมกลืนกับเปลือกตา
อ่านต่อ...
ขั้นตอน และ เทคนิค การแต่งหน้า อย่างถูกวิธีเริ่มต้นจากการล้างหน้าให้สะอาด ถึงแม้ว่าจะเป็นการล้างหน้าตอนเช้า เราก็ต้องใส่ใจ จริงอยู่ว่าเราอาจจะไม่มีเครื่องสำอางบนใบหน้า แต่เรายังมีครีมบำรุง ที่ยังคงทิ้งร่องรอย...
อ่านต่อ...
แต่ง ผิวหน้า ให้นวลเนียน คุณอาจคิดว่าผิวของคุณไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คุณต้องใช้แป้ง หรือรองพื้นแต่งหน้า หากทว่าการแต่งหน้าให้ดูดีที่สุด มักขึ้นอยู่กับการอวดโฉมผิวสวยอยู่เสมอ คุณต้องการเป็นเจ้าของผิวสวย...
อ่านต่อ...
แต่งตา และ ปาก ให้ลงตัว การใช้สีเข้มจะช่วยเพิ่มความสวยหรูให้ใบหน้า สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว และเหมาะสำหรับงานกลางคืนมากกว่ากลางวัน โดยใช้สีเข้มสร้างความโดดเด่น .
อ่านต่อ...
เลือกสีลิปสติก ให้เข้ากับสีปาก ลิปสติก มีสีอย่างหลากหลาย และมีรูปแบบมากมายในท้องตลาดในปัจจุบันนี้แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าลิปสติกแบบนี้เข้ากับเรา.... .
อ่านต่อ...
มาสคาร่า มีเคล็ดลับความรู้ จากแอนนี่ คารูลโล่ รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ของเอสเต ลอเดอร์ มาเผยให้คุณสาวๆ ได้รู้และสามารถเลือกมาสคาร่า ให้เหมาะกับดวงตาของคุณได้.....
อ่านต่อ...
ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย เบื่อไหมคะ ที่ต้องแต่งหน้าตามสูตรสำเร็จ แถมแต่งออกมาก็ยังสวยไม่ถูกใจอย่างที่เขา อ้างถึง อย่างนี้เรายังจะไปเชื่อ 'มาตรฐานระดับสากล' ที่เขานิยามได้อย่างไรกัน การปฏิวัติและโบกมือลาสูตรเก่าเท่านั้น ที่จะทำให้เราสวยใสแบบถูกยุคถูกสมัยมากที่สุด... .
อ่านต่อ...
มารู้จัก บลัชออน ให้มากชึ้น ถ้าพูดถึง บลัชออน หลายๆคนอาจจะคุ้นหูกันเพราะเคยได้ยินเรียกขานมาอย่างนั้น แต่ในทางเทคนิคแล้ว เขาเรียกกันว่าบลัชเชอร์ ซึ่งมาจากคำว่า บลับ (blush) อันแปลว่าอาการหน้าแดงแก้มแดงเพราะเลือดสาวฉีดขึ้นหน้าด้วยความอายขวยเขิน.....
อ่านต่อ...
เทคนิคการแต่งหน้า แบบง่ายๆเบื่อไหมคะ ที่ต้องแต่งหน้าตามสูตรสำเร็จ แถมแต่งออกมาก็ยังสวยไม่ถูกใจอย่างที่เขา อ้างถึง อย่างนี้เรายังจะไปเชื่อ 'มาตรฐานระดับสากล' ที่เขานิยามได้อย่างไรกัน การปฏิวัติและโบกมือลาสูตรเก่าเท่านั้น ที่จะทำให้เราสวยใสแบบถูกยุคถูกสมัยมากที่สุด... .
อ่านต่อ...
แต่งหน้า..ให้สวยอย่างธรรมชาติ การแต่งหน้าโทนสีนู้ด(หรือโทนสีเปลือยแบบธรรมชาติ) ทำให้ดูสวยอย่างธรรมชาติ และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน หากแต่งได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าแต่งผิดวิธี หน้าที่เปลือยเปล่าแบบนู้ด ก็อาจดูซีดเป็นผีดิบได้เหมือนกัน ด้วยคำแนะนำจากช่างแต่งหน้ามือโปร ที่จะช่วยให้การแต่งหน้าแบบนู้ดนี้ได้สวยดั่งใจค่ะ. ...
อ่านต่อ...
แต่งตาอย่างไร ให้สะกดใจเขาว่ากันว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ฉะนั้น การแต่งตาจึงมึความสำคัญมากมาดูกันว่าวิธีแต่งดวงตาของคุณให้สวย...สะกดใจนั้น ทำอย่างไร ... .
อ่านต่อ...
เคล็ดลับ..การแต่งหน้าครั้งแรกเสน่ห์ที่ขาดเสียไม่ได้ในการแต่งตัวแต่ละครั้งของผู้หญิง ก็คือ การแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้า หรือการแต่งหน้านั่นเอง ซึ่งในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง จะออกมาสวยงามเหมาะกับคุณหรือไม่เพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการแต่งหน้า ของแต่ละคน แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มจะแต่งหน้าเป็นครั้งแรก. ...
อ่านต่อ...
เลือกซื้อเครื่อสำอางอย่างไร สาว ๆ ทุกคน ก็มักจะใช้เครื่องสำอางกันทุกคน ไม่มากก็น้อย แต่ในบางชิ้น เราก็ไม่ทราบว่าจะเลือกอย่างไรดี วันนี้ก็เลยเอาวิธีเลือกซื้อเครื่องสำอางมาฝากกันค่ะ...
อ่านต่อ...
มารู้จักกับ..รองพื้นหากคุณต้องการแต่งหน้าให้หน้าใส สวย เด้งละก็ สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือรองพื้นนี่เอง มาดูกันว่าเราจะเลือกรองพื้นอย่างไรให้เข้ากับหน้าเรา และรองพื้นมีแบบไหนกันบ้าง ... .
อ่านต่อ...
วัยรุ่น...แต่งหน้าอย่างไรดี.. วัยรุ่นโดยมากแล้วมักจะเริ่มแต่งหน้าบางๆตั้งแต่อายุ 12-13 เมื่อเริ่มรู้สึกห่วงความสวยความงามของตนเอง ดังนั้น การแต่งหน้าสำหรับวัยรุ่น สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด คือการแต่งหน้าให้เป็นธรรมชาติ และดูเป็นตัวของตัวเอง ไม่ควรแต่งจนเข้มกลายเป็นงิ้วจนเกินวัย และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีราคามากจนเกินไป ผลิตภัณฑ์ราคาถูกก็สามารถทำให้เราดูดีได้ ...
อ่านต่อ...
วิธี กรีด อายไลเนอร์ การกรีดอายไลเนอร์ในทุกวันนี้ สำหรับบางคน อาจจะเป็นสิ่งที่ต้องทำ ในชีวิตประจำวัน ไปแล้ว แต่สำหรับสาว ๆ บางคนอาจจะไม่รู้จะเริ่มต้นกรีดอย่างไร วันนี้เลยเอาเทคนิกการกรีดอายไลเนอร์มาฝากกันค่ะ ... .
อ่านต่อ...
วิธีเขียนอายไลเนอร์แบบแฟชั่นี.. การเขียนอายไลเนอร์แบบแฟชั่นนั้น อาจจะเลือกสีของอายไลเนอร์ที่ไม่ใช่สีดำ เพื่อให้สดใสมากขึ้น การใช้ eyeliner อาจเลือกแบบมีกากเพชร เพื่อเพิ่มความแวววาวให้กับดวงตาของคุณ ...
อ่านต่อ...
กรีดอายไลเนอร์แบบไหนดีสำหรับสาว ๆ หลาย ๆ คน คงจะมีปัญหาการกรีดอายไลเนอร์ว่าจะกรีดแบบไหนดี เพราะบางคนอาจจะเบื่อกับการกรีดอายไลเนอร์แบบธรรมดา วันนี้เลยเอารูปแบบการแต่งตามาแนะนำกันค่ะ ... .
อ่านต่อ...
ขนตาสวยเหมือนตุ๊กตา เห็นขนตาตุ๊กตาของคุณแล้วอิจฉามั๊ยคะ แหม..ก็ตุ๊กตามีขนตาสวย เรียงเส้นยาวนี่นา คุณเองก็มีขนตาสวย ๆ แบบตุ๊กตาแสนสวยของคุณได้ค่ะ ของแบบนี้ต้องมีเคล็ด
☆☆การกรีดอายไลเนอร์กับปัดแก้ม☆☆

ความหมายของคำว่า"เพื่อน"

-->
ความหมายของคำว่า"เพื่อน"
เพื่อนคือ...ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ยิ่งกว่าแฟนก้อว่าได้ ไม่ตามใจมัน ก็ไม่ด่า แต่ถ้ามันไม่ตามใจเราก็ด่าได้ โดยที่มัน และเราไม่โกรธกัน เพื่อนเมื่อโกรธกันสามารถกลับมาคืนดีกันได้โดยไม่ต้องเก็บความสงสัยว่า เรื่องที่โกรธกันคืออะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป เพื่อนคือที่พึ่งยามเป็นทุกข์ เพื่อนคือที่ปรึกษา ตั้งแต่เรียน ทำงาน จนจะแต่งงานก็ยังต้องปรึกษามัน เพื่อนคอยสับรางเวลารถไฟจะชน เพื่อนคอยโกหกพ่อแม่เวลาไปเที่ยวแต่บอกว่าไปทำงาน เพื่อนคอยบอกแฟนว่าเรากำลังอยู่กับมัน ทั้งที่จริงเราไม่ได้อยู่กับมันหรอก และเพื่อนก็คือคนจ่ายค่าข้าวเวลาเราไม่มีเงิน "เพื่อน" คือ ทุกอย่าง มีผู้....ที่เคยคบกันถามว่าจะให้เลือกหนึ่งเดียว ระหว่างเค้าซึ่งคบกันมา 1 ปี กับเพื่อนซึ่งคบมาประมาณ 15 ปี ว่าคุณจะเลือกใคร ตอบแบบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่า "เพื่อน" ซึ่งเค้าก็บอกว่าตอบผิดตอบใหม่ได้นะ เราก็บอกว่าตอบถูกแล้ว เพราะเค้าเห็นว่าเรารักเพื่อนมากกว่า แต่ไม่ใช่ ถัาเราจะต้องเอาคนเข้ามาในชีวิตอีก 1 คน ซึ่งก็ยังไม่รู้อะไรกันมาก กับเสียคนที่เรารู้จกกันมาเป็น 10 ปี เราว่าทุกคนก็ต้องมีคำตอบเหมือนกับเรา เพราะทั้งสำหรับคนทั้งสองกลุ่ม เราไม่สามารถเอาแต่ละคนมาบวกและลบกันเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเลือกสิ่งที่มีค่ามากกว่า และสิ่งที่เราเลือก สิ่งนั้นก็คือ *****""เพื่อน""**** " some time happy… some time sad… but all time friend " บทส่งท้าย ถ้าเราสนุก ไปเที่ยวโดยไม่มีเพื่อน แล้วเล่าให้มันฟัง มันก็ไม่ว่าอะไร....แล้วถ้าเราเที่ยวแล้วเกิดปัญหา เราตามตัวมันมา มันเคยพูดไหมว่า "*ไม่สน*เที่ยวแล้วไม่ชวน* *แก้ไขเองแล้วกัน" คำพูดอย่างนี่จะไม่มีจากปากเพื่อน จะแต่ว่า " อยู่ตรงไหน เป็นอะไร" แล้วก็ลงท้ายว่า *จะรีบ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
“การศึกษาสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ให้มีโอกาสได้เรียนความรู้ทั่วไปที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิต ปลูกฝังให้เกิดความอยากเรียนอยากรู้ มีทักษะในการเรียนด้วยตนเอง รู้จักถาม สังเกต วิเคราะห์ ตระหนักว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่น” (Edgar Faure, 1972: 162)
ในที่ประชุมโลกว่าด้วยการศึกษาเพื่อปวงชน (World Conference on Education for All : WCEFA) ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมจอมเทียนประเทศไทย เมื่อปี 1990 ที่ประชุมพอใจที่จะใช้คำว่า “การตอบสนองความต้องการทางการเรียนขั้นพื้นฐาน” (meeting basic learning needs” มากกว่าการใช้ชื่อ “การศึกษาพื้นฐาน” (Basic Education) อย่างไรก็ตามต่อๆมา คำว่า “ความต้องการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน” (basic learning needs) กับคำว่า “การศึกษาพื้นฐาน” ก็ได้มีการนำไปใช้แทนกันอยู่บ่อยๆในการประชุมครั้งนั้น ได้มีการให้นิยามศัพท์ 2 คำไว้ดังนี้--
ความต้องการการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน (Basic learning needs) หมายถึง ความรู้ ทักษะ เจตคติ และค่านิยมที่จำเป็นสำหรับบุคคลเพื่อความอยู่รอด ปรับปรุงคุณภาพชีวิตและการเรียนรู้ต่อเนื่อง
การศึกษาพื้นฐาน (Basic education) หมายถึง การศึกษาที่มุ่งให้ตอบสนองความต้องการทางการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงการเรียนการสอนในระดับต้น ซึ่งเป็นพื้นฐานให้แก่การเรียนรู้ขั้นต่อไป เช่นการศึกษาสำหรับเด็กวัยเริ่มต้น การศึกษาระดับประถม การสอนให้รู้หนังสือ ทักษะความรู้ทั่วไป ทักษะเพื่อการดำรงชีวิต สำหรับเยาวชนและผู้ใหญ่ ในบางประเทศ การศึกษาพื้นฐานยังขยายขอบเขตไปถึงระดับมัธยมด้วย
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า การศึกษาพื้นฐานมิได้หมายความจำกัดอยู่เฉพาะการศึกษาชั้นประ- ถมศึกษา ซึ่งเป็นการศึกษาชั้นต้นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งบุคคลส่วนใหญ่มีโอกาสได้เข้าเรียนด้วย
แผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 ได้กล่าวไว้ในหมวดที่ 3 แนวนโยบายการศึกษาว่า “5. ให้การศึกษาระดับมัธยมศึกษาเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานของปวงชน รัฐพึงเร่งรัดและขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปวงชนอย่างทั่วถึง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สูงขึ้น” ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่าทางราชการไทยได้ถือว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานมีขอบเขตครอบคลุมถึงการศึกษาระดับมัธยมด้วย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้ระบุไว้ว่า“มาตรา 43 บุคคล ย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย--” ซึ่งเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานมีขอบเขตขยายถึงการศึกษาระดับมัธยมปลายซึ่งใช้เวลาเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาสิบสองปี
สรุปได้ว่า การศึกษาพื้นฐานตามความหมายของเอกสารนี้ เป็นการศึกษาที่จัดให้ตั้งแต่ระดับก่อนวัยเรียนไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ลักษณะการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และปัญาหาอุปสรรค
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวข้องกับนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถศึกษาจากเอกสาร ดังต่อไปนี้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
แผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2535
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)
แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)
แผนพัฒนาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมในช่วงแผนพัฒนาฯระยะที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544)
พระราชบัญญัติประถมศึกษา พุทธศักราช 2523
พระราชบัญญัติประถมศึกษา พุทธศักราช 2478 และฉบับแก้ไข
กานแต่งหน้าแบบเกาหลี

1. คนเกาหลีเวลาแต่งหน้าจะเน้นที่ "ดวงตา" เป็นหลัก อาจเป็นเพราะว่าคนเกาหลีมีจุดอ่อนที่ตา หมายถึง ตาตี่ และมีชั้นเดียว สามารถลังเกตได้จากการที่คนเกาหลีทำศัลยกรรม ส่วนใหญ่แล้วคนเกาหลีเน้นทำตาสองชั้นเป็นหลัก แต่สำหรับคนที่ไม่ทำศัลยกรรมจะมีการแต่งดวงตาให้ดูคมชัดขึ้นและเป็นธรรมชาติ โดยเลือกสีอายแชโดว์ให้เข้ากับสีผิว หรือสีขนตา และควรใช้ประมาณ 3 สี โดยทาไล่ตามเฉดโทนอ่อนที่สุดไปจนถึงเข้มที่สุด และลงสีที่หนึ่งที่เป็นโทนสีอ่อนสุดบริเวณเปลือกตา ทาสีที่สองลงตรงบริเวณจุดกึ่งกลางของตา และเกลี่ยขึ้นข้างบน แล้วไล่สีที่สามจากหางตามาถึงบริเวณกึ่งกลางตาแล้วเกลี่ยขึ้น ลงสีที่เข้มที่สุดตามแนวชิดขอบตาอีกครั้ง และเกลี่ยให้เรียบเนียน
2. ถ้าอยากให้ดวงตาดูสวยคมชัดยิ่งขึ้น อย่าลืมเขียนขอบตาด้วย แต่ควรเป็นชนิดเค้กอายไลเนอร์ เพราะดูซอฟต์เป็นธรรมชาติมากกว่า และไม่ควรเขียนแบบตวัดปลายขึ้น เขียนสีดำเฉพาะขอบตาบนเท่านั้น ซึ่งจะลากให้เป็นเส้นเล็กที่สุดโดยแทรกเข้าไประหว่างขนตา ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไป จากหัวตาจนถึงหางตาเท่า ๆ กัน และใช้แปรงเกลี่ยเพื่อไม่ให้เห็นเป็นเส้นขอบวาด
3. ส่วนขอบตาล่าง ให้ใช้สีขาวเขียนที่ขอบตา โดยเขียนที่ขอบตาด้านใน อีกเทคนิคที่ทำให้ดวงตาดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากยิ่งนั่นคือใส่ขนตาปลอม ซึ่งนิยมแซมขนตาแบบที่เป็นช่อ เพราะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเป็นแผง การดัดขนตาให้งอนเริ่มจากโคนไล่ขึ้นไปที่ปลายและปัดมาสคาร่าทั้งขนตาจริงขนตาปลอมพร้อมกัน วิธีนี้ทำให้ขนตาจริงกับขนตาปลอมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ดูเป็นธรรมชาติ
korea♥

แฟชั่นในยุคนี้ "เทรนด์เกาหลี" เริ่มเข้ามาในสังคมไทยเรามากสุด ๆ เมื่อพูดถึงคำ ๆ นี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักนะคะ กระแสที่มาแรงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมทางด้านการบันเทิง ดารา นักร้อง ซีรี่ส์ต่าง ๆ ในด้านของภาษาก็เป็นที่นิยมไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้มีจำนวนนิสิตนักศึกษาไม่น้อยที่สนใจและเลือกเรียนภาษาเกาหลีมากขึ้น พวกเราเริ่มรู้จักวัฒนธรรมเกาหลีกันมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารการกิน การทักทาย และแฟชั่นเสื้อผ้า เพราะว่าคนเกาหลีเน้นสวมเสื้อผ้าตามฤดูกาลแตกต่างกันไป แต่ละฤดูมีลักษณะการแต่งกายที่ไม่เหมือนกัน เช่น
ฤดูใบไม้ผลิ หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า "พม" ฤดูนี้เสื้อผ้าจะเน้นสีเสื้อผ้าที่ฉูดฉาด สดใส เสื้อผ้ามีหลากหลายสไตล์ด้วยกัน ฤดูร้อน หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ยอรึม" ในฤดูนี้เสื้อผ้าจะเน้นสีสดใสเช่นกัน แต่โทนสีอ่อนลงมากกว่า ลักษณะเสื้อผ้าจะเป็นเสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น กางเกงสามส่วน เป็นต้น
ฤดูใบไม้ร่วง หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกกันว่า "คาอึล" ในฤดูนี้เสื้อผ้าจะเน้นเสื้อผ้าสีทึบ ๆ มืด ๆ เช่น สีน้ำเงิน สีน้ำเงินเข้ม สีกรมท่า สีน้ำตาล ฤดูหนาว หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกกันว่า "คยออูล" ฤดูนี้เสื้อผ้าส่วนใหญ่เน้นสีดำเป็นหลัก เสื้อแขนยาวสีเข้ม เสื้อกันหนาวสีดำ เสื้อไหมพรมใส่คู่กับผ้าพันคอสีเข้ม ๆ เสื้อสไตล์เกาหลี โดยส่วนใหญ่แล้วจะใส่เสื้อสองตัวซ้อนกัน เหตุเป็นเพราะว่าอากาศในประเทศเกาหลีค่อนข้างหนาวเย็น เพราะฉะนั้นจึงเน้นเสื้อตัวยาว ๆ โทนสีอาจตัดกันหรือเป็นโทนเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความชอบ ส่วนกางเกง มักเป็นกางเกงประมาณเข่า มีผ้าผูกเอวประดับแทนเข็มขัด ในฤดูหนาวจะเป็นกางเกงขายาวแทน สำหรับผู้หญิง ก็จะเป็นกระโปรง ส่วนใหญ่แล้วออกแนวหวาน ๆ น่ารัก ๆ หากเป็นกระโปรงสั้น นิยมใส่เล็กกิ้งไว้ด้านใน แต่ส่วนมากผู้หญิงเกาหลีนิยมใส่ชุดแซ็ก รองเท้า ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นหลัก หรือรองเท้าบู๊ต อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศ ลักษณะสีสันออกโทนสีพื้น ๆ เครื่องประดับ ส่วนใหญ่ใช้เพชรคริสตัลเป็นส่วนประกอบ ลักษณะเหมือนทองคำขาว เงิน ไม่นิยมนำทองมาเป็นส่วนประกอบนะคะ ทรงผม เน้นความเป็นธรรมชาติ นิยมดัดเป็นลอน ๆ คลื่น ๆ ทำผมให้ดูยุ่ง ๆ เป็นธรรมชาติ ทรงนี้สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เครื่องประดับผม ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในตอนนี้ คือ "ที่คาดผมแบบทูอินวัน" (คาดหนึ่งอันแต่ดูเหมือนมีสองอัน) มีลักษณะแยกเป็นสองแฉกด้วยกัน มีสีสันสดใส มีลักษณะเป็นเพชร วับ ๆ หรือตามวัสดุที่ประดิษฐ์มา หรือเป็นกิ๊บติดผมแนวน่ารัก ๆ กุ๊กกิ๊ก
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เลือกลิปสติกให้ถูกปาก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สตรอเบอร์รี่ครีมมาสก์

Beautful แอปเปิ้ล ผลไม้เพื่อสุขภาพ
